ก้าวไกล Next

ย้อนกลับ

เลือกตั้งทั่วไป แคนดิเดทนายกและบัญชี10อันดับแรกสำคัญมาก

Diamond Diamond  •  2022-08-08  •    1 ความคิดเห็น  • 

เลือกตั้งทั่วไปเหมือนเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง(แม้ในความเป็นจริงจะเป็นทางอ้อม) ในความรู้สึกของประชาชนทั่วไปคือเขาออกเลือกนายกรัฐมนตรีและทีมที่จะไปบริหาร(ซึ่งก็คือพรรค)

บทเรียนและโจทย์ของก้าวไกลจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาๆคือ

  1. พรรคขายความเป็น ก้าวไกล จนขาย ตัวบุคคล"น้อยเกินไป"

เข้าใจว่าพรรคต้องการความเป็นสถาบันการเมือง ทำงานเป็นทีม จากการเลือกผู้ว่ากทม พรรคพยายามโปรโมทเรื่องการส่งทั้งผู้ว่าฯและส.ก. เพราะอาจมองว่าเป็นจุดแข็ง ซึ่งไม่ผิดและทำถูกแล้ว แต่พรรคพลาดคือ ขายวิโรจน์ "ช้าและน้อยไปมาก" เข้าใจว่ามีปัญหาเรื่องผู้สมัครที่คุยกันไว้เปลี่ยนใจและไม่สามารถหาคนที่ไว้ใจได้เท่าวิโรจน์ อย่างไรก็ตามมองว่าพรรคควรจะสามารถขายวิโรจน์ได้ดีกว่านี้

จากประสบการณ์เลือกตั้งผู้ว่ากทม พรรคควรเรียนรู้ในการขายตัวบุคคลด้วย ในความรับรู้ของประชาชนๆทั่วไป ชื่อของพรรคสำคัญแต่สำคัญน้อยกว่าตัวบุคคลที่อยู่กับพรรค ลองนึกถาพว่าพรรคก้าวไกลไม่มี ทิม วิโรจน์ ศิริกัญญา เบญจา โรม ประชาชนก็จะเสียความมั่นใจในพรรคเพราะไม่มีบุคลากรสำคัญ ลองคิดว่านักการเมืองหลายคนทำไมย้ายพรรคตลอดแต่ยังได้รับเลือก พรรคโดยเฉพาะทีมแคมเปญและแกนนำต้องเข้าใจว่า พรรคหรือองค์กรขับเคลื่อนด้วยตัวบุคคล อ่านแล้วหลายท่านอาจจะแย้งว่าเราต้องการเป็นสถาบันการเมือง ขออธิบายว่า สถาบันการเมืองก็ยังมีบุคลากรที่ประชาชนเชื่อมั่นมาขับเคลื่อน ตัวอย่างการเมืองระหว่างประเทศ พรรคเดโมเครต พรรคแรงงาน(UK) พรรคSPD(Germany) และอีกหลายพรรค พรรคเหล่านี้นับว่าเป็นสถาบันการเมือง อยู่มาเป็นร้อยปี แต่พรรคเหล่านั้นยังต้องมีนักการเมืองที่ป๊อปปูล่าพาพรรคไปข้างหน้าเช่นกัน อย่าง โอบามา แมร์เคิล อาเบะ ไบเดน ล้วนแต่เป็นนักการเมืองที่ป๊อปปูล่าและพรรคเองก็เป็นสถาบันการเมืองได้ไปพร้อมกัน

สรุปคือ ในมุมมองของผม ชาวบ้าน ประชาชน ดูทั้ง "ตัวบุคคล" และ "ชื่อพรรค" พรรคไม่สามารถขายแต่ความเป็นก้าวไกล ให้แคนดิเดทมาอวดว่าผมมีDNAอนาคตใหม่ มีDNAก้าวไกล เลือกผมสิ ผมอยู่ก้าวไกลนะ(พูดกันตามตรงคะแนนนิยมพรรคก็ไม่ขนาดถึงกับส่งเสาไฟฟ้า เขาก็เลือกด้วยซ้ำ) ทีมแคมเปญต้องหาจุดเด่น จุดขายของตัวแคนดิเดทและ10บัญชีรายชื่อ(ว่าที่รมต)ให้ได้ และมันจะส่งผลไปยังส.ส.เขตเอง จุดขายที่ว่าไม่ใช่แค่ความถนัด แต่เป็นเรื่องเล็กๆน้อย ตัวอย่างเช่น ตอนเลือกตั้งสหรัฐ ไบเดนขายความชอบกินไอติม รักสุนัข ถามว่ามันส่งผลขนาดนั้นเลยหรอ คือมันสร้างความรู้สึกเข้าถึงได้ 

  2. ทีมแคมเปญควรมุ่งเน้นที่การขายตัวแคนดิเดทนายกด้วย

จากข้อ 1 ที่บอกไปว่า การเลือกตั้ง "ตัวบุคคล" สำคัญเท่ากับหรือมากๆกว่า"พรรค"เสียอีก ไม่ต้องกลัวว่า การขายตัวบุคคลมากไปจะกลายเป็นพึ่งพาคนใดคนหนึ่งมากไป จนกลายเป็นพรรคธนาธร พรรคทิม พิธา เพราะคะแนนนิยมตัวบุคคลจะส่งผลต่อไปยังคะแนนพรรคด้วย อุดมการณ์ของแคนดิเดทนายกหรือหัวหน้าพรรคก็จะเป็นการสานต่ออุดมการณ์ของพรรคต่อไปเอง

ตัวอย่าง ในUK หลังบอริส จอห์นสันลาออก ส.ส.ซึ่งลงท้าชิงตำแหน่งนายกต่อโดยการท้าชิงตำแหน่งหัวหน้าในพรรคConservative ก็มีการโปรโมทตัวเอง ขายตัวเอง ปกติ

 

สรุปในสรุป โจทย์ของทีมแคมเปญคือ

1.ทำไมคนไทยต้องเลือกทิม พิธาเป็นนายกฯ (ที่คำตอบไม่ใช่เพราะอยู่ก้าวไกล ธนาธรเชื่อใจทิม)

2.ทิมเป็นนายก หน้าตาครมจะเป็นอย่างไร มีจุดยืนในประเด็นเหล่านี้อย่างไร เช่น 112 LGBTQ+ แรงงาน ต่างประเทศ เศรษฐกิจ ศาสนา การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ความคิดเห็น (1)

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ หรือ สร้างบัญชี เพื่อแสดงความคิดเห็น
  • ผู้ดูแลระบบ #3  •  2022-08-10 10:52:44

    ขอบคุณข้อเสนอจากคุณ Diamond เรื่องการพยามให้น้ำหนักตัวบุคคลให้มากขึ้นด้วยครับ โดยเฉพาะการดันตัวคุณพิธา แคนดิเดทผู้นำ และคณะผู้นำรายชื่อต้น ๆ ให้โดดเด่นชัดขึ้น เพราะความเป็นผู้นำ leadership มีความสำคัญอย่างมากต่อความไว้วางใจของประชาชน ท่ามกลางประเด็นใหม่ ๆ และประเด็นที่อ่อนไหวที่เกิดขึ้น เพราะการขายแต่พรรคอย่างเดียวคงไม่พอ

    ไม่มีความคิดเห็น
    0 คะแนน  | 
    0
    0