ก้าวไกล Next

ย้อนกลับ

คิดเลยว่าจะถูกยุบพรรค100% แล้วใช้เวลานี้รุกคืบให้ไกลสุด เพื่อกลับมาสานต่อ

OurNextFuture OurNextFuture  •  2022-08-12  •    2 ความคิดเห็น  • 

แก้ไขล่าสุด : sat 13 ใครยังไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นล่าสุด รบกวนอ่านอีกครั้ง 

เราต้องยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ        

ฝ่ายที่เราเรียกรวมๆว่าเครือข่ายศักดินามองพรรคกกเป็นศัตรูอันดับ1 อยู่แล้ว และพวกนั้น แค่มองหาจังหวะที่ได้เปรียบที่สุด ในการยุบ    เช่นน่าจะเป็นหลังเลือกตั้ง ไม่ยุบตอนนี้ เพราะคิดว่าพรรคจะทำให้ อีกสองสามพรรคคะแนนลดลง                                            

    

การพยามเลี่ยง หวั่นเกรง การยุบพรรค เป็นสแตรทจี้ที่ไม่มีประสิทธิภาพ

เป็นการเลี่ยงใน สิ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้ และ ปัจจัยสำคัญไม่ได้ขึ้นกับเรา           

 

ถ้าเราเริ่มต้นจากการ เปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า ฝ่ายนั้นยุบพรรคแน่ๆ 100% 

แล้วสู้ บนฐานคิดว่า ทำอย่างไร ถึงจะ สร้างแลนด์มาร์คทางสังคมไว้ให้มากที่สุด

เพื่อให้พรรคมีแบรนด์ชัด และสังคมขยับไปถึงจุดที่ประเด็นที่พรรคเสนอ เป็นวาระอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วคนจะคาดหวังให้พรรคเรากลับมาสานต่อ !

 

นี่คือข้อเสนอบนฐานคิดดังกล่าว

 

1.Push ข้อเสนอ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง ไปให้ไกลมากที่สุด

 พร้อมกับ propose สิ่งที่เป็น value ทางสังคม  ของพรรค และภาพลักษณ์เชิงอุดมการณ์ ให้ชัดเจนที่สุด 

คนจะมีภาพจำอย่างไม่มีวันลบออก ว่าพรรคเราเอาจริง เป็นผู้นำที่กล้าหาญ ซึ่งถ้ามีภาพนี้ คนจะเลือกอีก 

ข้อเสนอนั้น จะกลายเป็นหมุดไมล์ ที่คนจะรอให้เรากลับมาผลักดัน หากถูกยุบพรรค 

 

ในแง่การเมือง ภาพจำ อิมเมจของพรรค จุดยืนพรรค เป็นสิ่งที่อยู่กับพรรคไปอีกนาน หรืออาจจะตลอด 

ลองจินตนาการว่า  ถ้าเราชูปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในช่วงปี63 ที่กระแสสูง  แล้วโดนยุบพรรค

คนจะจำเหตุการณ์นั้น แล้วรอเลือกเราใหม่.  แล้วคนกลุ่มนี้จะไม่มีวันเลือกพรรคอื่น.  ไม่ว่าจะโดนปั่นแบบไหน 

 

แล้วอีกฝ่ายจะถูกจดจำว่า  ยุบพรรคเราเพราะเสนอปฏิรูปสถาบัน  อ้างเหตุผลอื่นอย่างไร คนก็ไม่เชื่อ  

ซึ่งจะทำให้เอเจนด้าทางสังคมมันshift ไปที่  " ต้องปฏิรูป "  ซึ่งก็บีบให้เขาตัดสินใจได้ยากมากขึ้น ! 

 

 นี่คือ dilemma ที่จะเกิดขึ้นจริงแน่ๆ  แม้บรรดา  นักวิเคราะห์ทางการเมืองที่ตกอยูในมายาคติแบบ สู้ไปกราบไป ไม่เคยคิด 

 คือ "ยิ่งเรา แหลมคมในทางการเมืองเท่าไหร่ อีกฝ่ายมีราคาในการยุบพรรคมากขึ้นเท่านั้น ! "

 

2. ถ้าสมมุติพวกนั้นยอมเสี่ยงเลือกที่จะยุบ  แล้ว กกบห โดนตัดสิทธิล่ะ 

 

ข้อเสนอเชิงเทคนิคคือ.  เตรียมตัวรับการยุบพรรคไปเลย.  เช่นเอากก.บริหารจริงออกจากตำแหน่ง.  อาจจะฟังดูแทคติคแต่ประชาชนรับได้

 

เคสพรรคพท. มีใครคิดว่าชลน่านเป็นหน.พรรคตัวจริงบ้าง  พวกเราที่อาจจะวิจารณ์พท.กันยังรับประเด็นนี้กันได้เลย. เพราะบริบทที่อีกฝ่ายใช้judical coup แบบนี้ประจำมันทำให้รับได้

 

ทางออกที่เป็นไปได้  คือให้แคนดิเดทสสเขต.  ที่ยังไม่เคยชนะสสรับตำแหน่งนี้ 

 

ซึ่งถ้าคุณมีชื่อเป็นกกบห  คุณมีโอกาสได้เป็นสสมากขึ้น 

 

ในเงื่อนไขนี้.  ตามข้อเท็จจริง  ถ้าคุณไม่ได้สส  คุณก็ต้องรออีก4ปีเป็นขั้นต่ำเช่นกัน

ก็เป็นเงื่อนไขที่มีความแฟร์อยู่

 

 

3. ถ้าเราเอาหลักการที่ว่า   ประชาชนต้องมีอำนาจสูงสุด ในประเทศนี้  เป็นหลักการพื้นฐานของพรรค 

เรายิ่งต้องทำหน้าที่  เสนอจินตนาการทางสังคม  ปักธงเอาไว้ให้ประชาชน 

เพื่อจุดประกาย ให้เกิด public discussion ที่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงทางความคิด

 

เมื่อปักธงชัดเจนมากๆแล้ว.  คนที่เอากับธงหรือเป้าหมายนี้.  บางส่วนจะตามมา คนเหล่านี้จะเป็นคนที่เลือกพรรคเราในทุกเงื่อนไข 

 

ถ้าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมใดใด จำเป็นต้องมีกระบวนการนี้  เกิดขึ้นก่อน.   

หากเราปวารณาตัวว่าเราจะเป็นผู้นำกระบวนการนี้ เป็นกลุ่มคนที่จะ วาดภาพจินตนาการแห่งอนาคต ให้เป็นจริง 

เราก็มีความรับผิดชอบทางอุดมการณ์  ที่จะต้องนำเสนอ ปักธงแห่งการปฏิรูป(เป็นอย่างน้อย) ผืนนี้  อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 

 ครูใหญ่บอกว่า พรรคการเมืองต้องเลิกขี่ม้าเลียบค่าย ต้องเป็นตัวนำ ซึ่งประชาชนที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงก้คิดแบบนั้น 

ปรากฏการณ์ช่วงนี้ เช่น  ผลโพลล์ democracy vs  monarchy น่าจะสะท้อนอะไรได้พอสมควร 

 

นี่คือ DNA อนาคตใหม่ ที่หลายคนถามถึง

การกล้าที่จะ เสนอภาพฝันที่มีความเป็นไปได้จริง จากปัญหาที่พรรคการเมืองเก่าไม่กล้าแตะ

นี่คือสปิริท แบบอนาคตใหม่ ในบริบทของ ปี 2022 

 

 

 3.1 ถ้าพรรคมีภาพ ของการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง.  สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ภาพลักษณ์ของพรรคก็จะชัดเจน ตามมา 

 

ความชัดเจนจะทำให้เรามีจุดขาย  ต่อให้โดนยุบ คนก็รอเลือก

 

อีกด้านนึงถ้าเราไม่ชัดเจน  พรรคที่ใช้วิธีแบบสาดโคลน.  ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าไม่มีวันนำการเปลี่ยนแปลง

ก็จะโจมตีเราว่าไม่ดีกว่าเขาหรอก.  ซึ่งทำให้เราเสียคะแนนจากสวิงโหวตในฝั่งไม่เอาศักดินาด้วย 

 

และวิธีหนึ่งในการการต่อรองที่มีพลังมากคือ…

4.   บลัฟศักดินาไว้ก่อน  ว่า

ถ้ายุบพรรคเราจะเพิ่มข้อเรียกร้องไปเรื่อยๆ

 

ย้ำชัดๆก่อน  ว่าเราเสนอนโยบาย สมมุติเป็น เลเวล 5 ตามด้วย ยืนยันว่ามากสุดเท่านี้  ถ้าคุณร่วมมือ

ถ้ายุบพรรค.  นั่นแปลว่าคุณไม่ร่วมมือ  คุณบิดเบือนกติกา

ก็เพิ่มเป็นเลเวล 10

 

เช่น เสนอนโยบาย  ปฏิรูปสถาบันเลย. ในการเลือกตั้ง 

พร้อมบอกตรงๆว่า  ถ้าไม่เอา  แล้วใช้วิธี ยุบพรรค.  

เราจะเปลี่ยนไปเป็นทำประชามติยกเลิก.  

ไม่ว่าจะผ่านสภา. หรือบนถนน

 

แล้วถ้ายังเอาไม่ยุบพรรค.  เราก็จะเสนอแค่ปฏิรูป.  

 

แบบนี้จะเป็นการยื่นข้อต่อรองสาธารณะ.  ที่ทำให้ราคาของการยุบพรรคสูงที่สุด.  อาจจะสูง.  จนถึงจุดที่เขาไม่กล้ายุบก็ได้

 

 

 นั่นคือ  optimum strategy สำหรับสถานการณ์นี้ ซึ่งจะทำได้เมีอเรา ปรับมุมมองใหม่ ว่าเขายุบแน่ ดังนั้น.  เราจะสร้างprogresss ได้อย่างไรให้มากที่สุด.  เพือจะเป็นรากฐาน  ทั้งสำหรับการชนะเลือกตั้งของพรรค การฟื้นคืนกลับมาทำภารกิจแห่งชีวิตของราษฎรไทย    และการจุดประกาย การเปลี่ยนแปลงสังคม โดยใช้พลังจากมูฟเม้นท์ของประชาชน ไม่ว่าขะสำหรับคนรุ่นนี้ หรือแม้แต่คนรุ่นหลัง 

 

 

สรุป  แทนที่จะเลี่ยงการโดนยุบ ที่ในความเป็นจริง เราคอนโทรลไม่ได้ และเป็นการตั้งรับกลยุทธของศักดินา ให้เราเปลี่ยนมุมมอง แล้ว ตั้งธงไว้เลย  ว่าเขาจะยุบพรรค 

แล้วทำในส่วนที่เราทำได้ ให้การยุบพรรคของเขาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางประวัติศาสตร์ 

ทำให้ประชาชนมีคำตอบเดียว  ว่ายุบพรรค.  เพราะอีกฝ่าย ไม่ยอมปฏิรูปสถาบัน 

 

หากเป็นเช่นนั้น เราจะชนะในบั้นปลาย จากความพ่ายแพ้ชั่วขณะ 

 เราจะ ถือธงของความหวัง  ตั้งต้นกลับมาใหม่ได้อย่างเข้มแข็งกว่าเดิม 

 และมีความชอบธรรม. ที่จะยกระดับข้อเสนอที่จำเป็นที่สุดสำหรับการทำให้การปฏิรูประบอบเจ้าเป็นจริง ! 

ความคิดเห็น (2)

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ หรือ สร้างบัญชี เพื่อแสดงความคิดเห็น
  • Tony.weedsome

    มันทำไม่ได้ครับ การเสนอนโยบายเกี่ยวกับสถาบัน

    • OurNextFuture
      OurNextFuture  •  ผู้เขียน  •  2022-08-13 19:27:16

      ไม่มีอะไรทำไม่ได้ครับ ย้ำ ไม่มีอะไรทำไม่ได้ ตอนคณะราษฎร 63 เสนอ ปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ ก็ไม่มีใครคิดว่าทำได้
      ความกล้าหาญที่จะนำ ทำให้ประชาชนยิ่งซัพพอร์ท ด้วยซ้ำ

      เราอาจจะบอก กม.เขียนอย่างนั้นอย่างนี้ ตีความอย่างนั้นอย่างนี้ เคยมีเคสนั้นเคสนี่
      แต่ "ปัจจัยสำคัญอย่างเดียว" คือ การที่ฝ่ายนั้นประเมินว่าเขายุบพรรคเราแล้วเขาจะเจออะไร ถ้าเขาประเมินว่าเขาจะเสียหายมากเกินไปถ้ายุบพรรค เขาก็ไม่ยุบ ถ้าเขาประเมินว่า ยุบแล้วคนจะเทำให้เอเจนด้าทางการเมืองเปลี่ยน เขาก็ไม่ยุบ แค่นั้นเองจริงๆ

      ถ้าเราเสนอชัดๆว่าจะปฏิรูปสถาบัน พร้อมเงื่อนไข condition for leverage ที่ว่านี้ ก่อนเลือกตั้งไม่นาน เรา secure เสียงโหวตได้แน่นอน เผลอๆจะชนะเลือกตั้งได้ด้วยซ้ำ

      ไม่มีความคิดเห็น
      1 คะแนน  | 
      1
      0