ในเมื่อทุกวันนี้มีการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ สังคม และความเสมอภาคต่างๆ มีการเรียกร้องเรื่องสิทธิเสรีภาพกันอย่างกว้างขวาง แต่เรื่องที่มีคนพูดถึงกันเป็นจำนวนน้อย หรือกล้าพูดถึงปัญหาทางความเชื่อ และไม่มีการเรียกร้องหรือตระหนักเรื่องนี้กันอย่างเป็นรูปธรรม ไม่เคยมีการต่อสู้เรื่องนี้ มันหายากเหลือเกินครับในสังคมไทย ไม่เคยมีผู้แทนราษฎรคนไหนหรือพรรคการเมืองคนไหนที่ต่อสู้เรื่องจุดยืนความเสมอภาค เสรีภาพทางศาสนา หรือความเป็นรัฐโลกวิสัยก็ตาม
คราวนี้ผมจะพูดถึงปัญหา อย่างแรกเลยศาสนาที่เป็นศาสนาหลักของประเทศมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งทางวัฒนธรรมหรือสังคมเองก็ตาม ไม่ค่อยมีการหยิบยกประเด็นนี้ออกมาพูดมากนัก คือเสรีภาพทางความเชื่อ คนที่นับถือศาสนาหลักๆของประเทศจะมีจะมีอภิสิทธิ์บางอย่างมากกว่าคนที่นับถือศาสนาที่เป็นคนส่วนน้อยหรือ ศาสนาที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบหรือไม่เข้าใจ และรวมไปถึงคนไม่มีศาสนาอีกด้วย
กลับกันคนที่ไม่นับถือศาสนาหรือศาสนาที่รัฐไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ 5 ศาสนาหลัก ก็จะเสียสิทธิ์บางอย่างที่ไม่ควรจะเสีย หรือมีการเปรียบเทียบหรือนำไปสู่การละเมิดสิทธิต่างๆ ทั้งเรื่องการสมัครงานบางที่ที่เอาศาสนามาเป็นค่าปริยาย เรื่องการศึกษาหรือถ้าไปสมัครงานถ้าไปกรอกช่องศาสนาว่าไม่นับถือศาสนาแน่นอนว่าเขาไม่รับ(ยิ่งงานราชการยิ่งไม่มีสิทธิ์)
หลายกิจกรรมของทางภาครัฐ หรือทางโรงเรียนเองก็ตามจะมีกิจกรรมทางศาสนาหลายอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มีการบัญญัติศาสนาเป็นเสาหลักของประเทศ หรือในเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดีต้องมีหน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน 1.เลยนับถือศาสนา เท่ากับว่าเด็กที่ไม่นับถือศาสนาเป็นเด็กไม่ดี รวมไปถึงสังคมด้วย
ที่ผมต้องการเสนอคือ ต้องการอยากให้มีคนพูดถึงเรื่องเสรีภาพทางศาสนาอย่างจริงจัง และหยิบยกมาพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง เสนอเรียกร้องให้มีความเป็นรัฐโลกวิสัย ให้เสรีภาพทางความเชื่อ ไม่ให้มีการเอาเปรียบหรือเกิดข้อเปรียบเทียบทางความเชื่อ เสมอภาคทางความเชื่อ และข้อเสนอที่สำคัญคือ รัฐโลกวิสัย ขอบคุณครับ
ยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตราที่กำหนดให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ รวมถึงบทบาทประมุขของรัฐที่เกี่ยวข้อง
เห็นด้วยและสนับสนุนอย่างยิ่งครับ นอกจากยืนยันหลักการ Secular state และยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการโน้มเอียงไปทางที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว ควรผลักดันให้มีการยกเลิกการกำหนดกิจกรรมหรือบังคับให้มีการประกอบศาสนกิจในสถาบันการศึกษาและหน่วยงานของภาครัฐด้วย รวมถึงวัดพุทธต่างๆ ควรเป็นนิติบุคคล ได้รับการปฏิบัติทางกฎหมายเช่นเดียวกับนิติบุคคลธรรมดาทั่วไปไม่ควรมีข้อยกเว้น ที่สำคัญอาคารสิ่งก่อสร้างภายในวัดต้องผ่านการขออนุญาตตามระบบเหมือนกับอาคารทั่วไปตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน โดยเฉพาะพระอารามหลวงซึ่งได้รับการจัดสรรเงินดูแลอย่างพิเศษ ตลอดจนการตรวจสอบการบริหารเงินภายในวัดเพื่อป้องกันการกระทำผิดทางกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมว่าควรที่จะให้คนที่เขาไม่ได้นับถือในศาสนาได้มีสิทธิเท่าเทียมกันครปฐม เพราะว่าคนเราทุกคนควรมีเสรีภาพ ทางความคิด และไม่ควรไปละเมิดสิทธิของเขาและควรจะสนับสนุนครับ
เห็นด้วยเลยค่ะ